เทคนิคเลือกแบบผ้าม่าน

เทคนิคเลือกแบบผ้าม่านให้ลงตัวกับบ้านใหม่

ท่านที่ซื้อบ้านหรือตกแต่งห้องใหม่หากกำลังมองหาม่านมาสำหรับใช้งานหรือใช้ตกแต่งประตู,หน้าต่างแต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี ติดมาแล้วจะออกมาดูดีไหม จะเลือกม่านแบบไหนดี ราคาจะแพงไหม หาข้อมูลได้จากบทความนี้เลย

เริ่มต้นคือเลือกแบบม่านที่ต้องการก่อน ม่านในท้องตลาดมีให้เลือกใช้หลายแบบ เช่น

1. ผ้าม่าน เป็นวัสดุที่เป็นที่นิยมและมีมานาน สั่งตัดได้ทั้ง ม่านจีบ ม่านพับ ม่านตาไก่ ม่านลอน ในการตกแต่งบ้านเมื่อนึกถึงการกรองแสงหรือบังแสงแดดแล้วผ้าม่านมักจะเป็นสินค้าอันดับแรกที่หลายๆท่านนึกถึง นอกจากจะช่วยในเรื่องของการกรองแสงได้แล้วยังช่วยทำให้บ้านหรือสถานที่นั้นดูสวยงามอย่างมีสไตล์อีกด้วย

ข้อแนะนำแรกสำหรับท่านที่ใช้งานเปิดปิดม่านทุกๆวัน สำหรับส่วนของเป็นประตูมักจะใช้ม่านที่มีลักษณะแหวกออกตรงกลาง เช่น ม่านจีบ ม่านตาไก่ เนื่องจากสะดวกในการเดินเข้าออกมากกว่าม่านพับ สำหรับหน้าต่างเลือกได้ทั้งม่านจีบและม่านพับ ม่านที่ไม่แนะนำให้เลือกใช้คือม่านคอกระเช้าเนื่องจากใช้งานดึงเปิดปิดทำได้ยาก โดยเฉพาะกับบานประตูขนาดใหญ่

สำหรับเนื้อผ้าแบ่งได้หลักๆเป็น3ชนิดได้แก่

เนื้อผ้าชนิดที่แสงผ่านได้บ้างเป็นเนื้อผ้ามาตรฐานที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ความสามารถในการกันแสงขึ้นอยู่กับสีของเนื้อผ้าเป็นหลัก(สีเข้มแสงผ่านได้น้อย สีอ่อนแสงผ่านได้มาก)

เทคนิคเลือกแบบผ้าม่าน

ผ้าม่านทึบแสง (blackout) หรือผ้ากันแสงกำลังเป็นที่นิยมอย่างสูงปัจจุบันได้กลายเป็นมาตรฐานไปแล้วก็ว่าได้ เหมาะสำหรับลูกค้าที่ไม่ต้องการแสงในช่วงเช้าหรือบริเวณที่ถูกแสงแดดแรงๆ ผ้าชนิดนี้กันแสงได้มากกว่า 80%

เนื้อผ้าม่าน

เลือกใช้ผ้าชนิดทึบแสงเลยดีหรือเปล่า ?
สำหรับห้องหันหน้าไปทางทิศใต้จะโดนแดดค่อนข้างแรง หรือ กรณีผู้อยู่อาศัยต้องการนอนตื่นสาย การใช้ผ้าม่านทึบแสงเลยก็เป็นทางเลือกที่ดี แต่ก็ไม่เหมาะนักสำหรับห้องที่ต้องการแสงสว่างจากภายนอกเนื่องจากผ้าทีึบแสงเวลาปิดใช้งานแล้วแสงจะผ่านเข้ามาภายในห้องได้น้อยมาก

ควรจะติดผ้าโปร่งอีกชั้นด้วยไหม ?
การติดผ้าโปร่งเพิ่มเข้าไป ที่ได้แน่ๆคือเรื่องความสวยงามและช่วยให้ความเป็นส่วนตัวในขณะที่แสงยังส่อง เข้ามาในห้องได้ แต่ต้องแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมา(เท่ากับการติดม่าน2ชุดซ้อนกัน รวมถึงต้องเหนื่อยในการซักเป็น2เท่าด้วย บางท่านอาจเข้าใจผิดไปว่าถ้าเราติดผ้าโปร่งเสริมแล้วไม่ต้องใช้ผ้าแบบทึบแสงก็ได้ ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด ผ้าโปร่งนั้นไม่ได้มีคุณสมบัติในการป้องกันแสงเท่าไรนัก จะเน้นไปทางด้านความสวยงามและช่วยเปลี่ยนบรรยากาศภายในห้องมากกว่า หากต้องการให้ห้องมืดผ้าทึบที่ใช้ควรเป็นผ้าชนิดทึบแสง(ผ้ากันแสงหรือผ้าแบล็คเอ้าท์)

ใช้รางม่านแบบใดดี ?
รางสำหรับผ้าม่านหลักๆมี2ชนิดคือรางชนิดลูกล้อกับรางโชว์
รางชนิดลูกล้อได้แก่รางตัวเอ็มและรางซี เหมาะสำหรับจุดที่เน้นการใช้งานเปิดปิดบ่อยๆเป็นหลักไม่เน้นความสวยงามมากมากนักรางม่านชนิดนี้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดและเป็นระบบรางมาตรฐาน

แบบรางผ้าม่าน

การเปิดปิดม่านเลือกได้2วิธีคือ

    • ใช้มือจูงหรือใช้ด้ามจูงผ้าม่าน มีข้อดีคือเลือกดึงม่านทางด้านซ้ายหรือทางด้านขวาแยกกันได้ (ปิดเปิดแต่ละด้านได้อิสระจากกัน)
    • ใช้เชือกชักรอก(ปัจจุบันไม่นิยม) ดึงรวบม่านโดยใช้เชือก เวลาใช้งานรางระบบนี้ตัวผ้าม่านด้านซ้ายและขวาจะถูกดึงเปิดหรือปิดไปพร้อมๆกัน

หรือ หากต้องการความสวยงามมีแบบให้เลือกมากมายก็เลือกใช้รางโชว์(ราวผ้าม่านแบบโชว์ราว) ทั้งชนิดที่เป็นเหล็ก อลูมิเนียมและไม้ จุดเด่นของรางประเภทนี้คือดูสวยงามมีให้เลือกหลากหลายแบบ แต่จุดด้อยคือความคล่องตัวในการดึงเปิดปิดม่านจะสะดวกสู้รางผ้าม่านระบบลูกล้อไม่ได้ ยิ่งถ้าเป็นม่านแบบตาไก่ก็จะยิ่งมีความฝืดกว่าแบบใช้ห่วง สำหรับลูกค้าที่ชื่นชอบรางโชว์ทางร้านผ้าม่านไทยมีจำหน่ายรางโชว์รุ่นมีลูกกลิ้งรางรุ่นนี้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องความฝืดของรางโชว์รุ่นปกติได้เป็นอย่างดี